แห่งเดียวในประเทศไทยและการกลับมาของข้าว
"งวงช้าง" ข้าว 100
ปีของจังหวัดตรัง.. จังหวัดตรัง
มีชุมชนแห่งหนึ่ง ชื่อชุมชนควนขัน มีประเพณีชักพระหรือลากพระ
เป็นประเพณีเก่าแก่ที่ชาวพุทธในภาคใต้ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลานาน วันแรม 1 ค่ำเดือน 5 ของทุกๆปี ชาวบ้านชุมชนควนขันจะพร้อมใจกัน
จัดงานประเพณีชักพระที่่วัดควนขัน ชาวบ้านช่วยกันตกแต่งเรือพระ ทำขนมต้ม
ประเพณีลากพระ ปี59 ตรงกับวันที่ 21- 22 เมษายน
เทศบาลนครตรังได้ร่วมกับชุมชนจัดงานขึ้น
เพื่อส่งเสริมสนับสนุนอนุรักษ์ฟื้นฟูและสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น
รวมทั้งปลูกฝังค่านิยมความเป็นไทยเพื่อสำนึกรักษ์ถิ่นบ้านเกิด มีกิจกรรมเช่น
พิธีสมโภชเรือพระ ทำบุญตักบาตร การชักพระ สาธิตการทำขนมต้ม ขนมลา
การละเล่นกีฬาพื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรม การแสดงดนตรีของนักเรียน และชุมชน
ช่วงเช้าของวันทำบุญ ชาวบ้านชุมชนควนขันและชุมชนใกล้เคียงจะมาร่วมกันชักลากเรือพระที่ตกแต่ง
สวยงามจากวัดควนขันไปยังบริเวณสามแยกทางเข้าชุมชนควนขัน
บนถนนสายตรังพัทลุงเพื่อให้ประชาชนและเยาวชนที่เดินทางผ่านไปผ่านมาได้ร่วมกันสักการะบูชาเรือพระ
หลังจากนั้นช่วงเย็นชาวบ้านหรือชุมชนจะพร้อมใจกันลากเรือพระกลับมายังวัดควนขันถือเป็นประเพณีชักพระเดือน
5 ที่เหลือแห่งเดียวในจังหวัดตรังและในประเทศไทย
สำหรับความเป็นมาของประเพณีชักพระเมื่อครั้งอดีตมีคณะพุทธบริษัทจากวัดต่างๆในจังหวัดตรังรวมทั้งวัดควนขันร่วมกันชักเรือพระไปประดิษฐานไว้กลางทุ่งนา
ในวันแรม 1 ค่ำเดือน 5 เดือนเมษายนของทุกปี
จากนั้นก็จะทำการแย่งพระซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการชักคะเย่อ
เมื่อนำพระที่ได้ไปประดิษฐานไว้ที่วัดในหมู่บ้านของตนพร้อมบุษบกและเรือพระจากวัดใดเป็นผู้ชนะก็จะได้เป็นเจ้าภาพในปีถัดไป
ประเพณีเก่าแก่ที่มีมาอย่างช้านานได้รับการสืบสานมาอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าวันนี้สภาพพื้นที่บริเวณดังกล่าวจะเปลี่ยนไปมาก
แต่ยังมีเค้าลางให้เห็นว่า พื้นที่ลุ่มในชุมชนดั้งเดิมมีการปลูกข้าวทำนามาก่อน
มีการจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา มีการทำต้มแขวนเรือพระ
สำหรับเรื่องข้าวอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจมากที่วัดควนขันงานประเพณีชักพระ
มีการนำข้าวพื้นเมืองตรังมาตั้งโชว์ให้เห็นหลายสายพันธุ์หนึ่งในนั้นคือข้าวสายพันธุ์พื้นเมืองและเป็นข้าวตรังดั้งเดิมนั่นคือข้าวงวงช้าง
ข้าวงวงช้างเป็นข้าวประจำถิ่นลุ่มคลองนางน้อย
จังหวัดตรังปลูกในนาลึกพื้นที่บริเวณนาเขาช้างหาย ที่ลุ่มสะพานยาว บ้านนาทองหลาง
ทุ่งนางามหน้าวัดพระงาม ทุ่งควนขัน
ทุ่งโคกหล่อเป็นข้าวที่มีความผูกพันธ์มาอย่างช้านานกับจังหวัดตรัง
บัญชีสอบสวนพันธุ์ข้าวหนักในจังหวัดตรังระหว่างปีพุทธศักราช 2458 ถึงปี 2460 เอกสารมณฑลภูเก็ตระบุชื่อ ข้าวงวงช้าง
ไว้ในบัญชีว่าเป็นข้าวในพื้นที่ตรังแล้ว เป็นข้าวสายพันธุ์เดียวที่มีหลักฐานบ่งบอกว่ามีอายุ
100 ปีมาแล้ว
ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของข้าวพันธุ์นี้ที่ปลูกในที่ลึกเป็นข้าวลู่ลำต้นขึ้นตามน้ำ
ข้าวงวงช้างปรับตัวได้ดีในสภาพน้ำท่วมสามารถปลูกง่ายๆแค่พอกดินที่โคนต้นกล้าแล้วโยนลงไปในนาที่ตัดหญ้าออกแล้ว
ข้าวงวงช้างจะสามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพดังกล่าวต้นสูงตามน้ำลำต้นอาจยืดตัวสูงได้
2 ถึง 3 เมตร
ในแต่ละพื้นที่เมื่อข้าวออกรวงจะชูรวงโบกโบยไปมากับสายลมเหมือนงวงช้างชาวบ้านจึงตั้งชื่อว่า
"ข้าวงวงช้าง" ลักษณะที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ
เมล็ดปลายรวงข้าวจะมีหางยื่นออกมาอย่างชัดเจนมีค่าแป้งอมิโรส 22.39เปอร์เซ็นต์ เมล็ดข้าวสารยาว
ความนิ่มใกล้เคียงกับข้าวเล็บนกปัตตานี ซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบัน
ข้าวงวงช้างเป็นข้าวหนักมากปลูกเดือน 8 เก็บเกี่ยวเดือน 4 ในขณะที่ข้าวหนักอื่นๆจะเก็บในเดือนยี่เดือน
3 ชาวบ้านในพื้นที่ลุ่มคลองนางน้อย
โดยเฉพาะที่หน้าวัดพระงาม ที่ควนขัน ที่โคกหล่อ
ต้องรอให้เก็บเกี่ยวรวงข้าวรวงช้างเสร็จก่อนจึงจะสามารถจัดกิจกรรมลากเรือพระได้
กล่าวได้ว่าข้าวงวงช้างเป็นที่มาอีกอย่างหนึ่งของการลากเรือพระเดือนห้าในทุ่งนาแถวบ้านโพธิ์
นาพระ ควนขัน โคกหล่อ ประเพณีท้องถิ่นที่ชาวชุมชนและหน่วยงานท้องถิ่นร่วมกันจัดขึ้นรวมทั้งผู้ที่สนใจได้ร่วมกันสืบสานสะท้อนคุณค่าของวิถีชีวิตอันเรียบง่ายและการมีศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาที่ถ่ายทอด
สืบเนื่องต่อมาจากรุ่น ปู่ย่าตายายพ่อแม่สู่ลูกหลาน
การช่วยกันฟื้นฟูสายพันธุ์ของข้าวพื้นเมืองดั้งเดิมซึ่งเกือบจะสูญหายไปแล้วให้กลับคืนมาคืนถิ่น
ที่เคยอยู่อีกครั้งนั้นเป็นความพยายามอย่างมากที่จะคงเอกลักษณ์ท้องถิ่นตรังให้ทุกคนได้ระลึกรู้ถึงคุณค่าของประเพณีอันดีงามแสดงออกถึงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษและพื้นแผ่นดินเป็น
การรวมศรัทธาของผู้คนให้ก่อเกิดความรักความสามัคคี จากห่างไกลให้กลับมาใกล้
จากรอยแยกให้กลายมาเป็นผสมผสาน จากแตกเหล่าให้กลับกลายมาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
เป็นการจรรโลงจิตใจให้รู้ซึ้งถึงคุณค่าของการดำรงชีวิตให้มีความสุขมีความอบอุ่นทำให้ผู้คนและชุมชนเกิดความสงบสุขทั้งกายใจและ
จิตวิญญาณนับเป็นคุณค่าที่เกิดขึ้นในสังคมคนตรังอย่างแท้จริง.....
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ข่าวที่ได้รับความนิยม
-
วันที่ 12 กันยายน 2559 จังหวัดชุมพรร่วมแถลงข่าว ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ. 8 ,นายสมดี คชายั่งยืน ผู้ว่าราชการ...
-
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4กรกฏาคม.59 นายสุรชัย แย้มคล้าย อยู่บ้านเลขที่ 631/1 หมู่ที่ 5 ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ ร...
-
วันที่ 7 พ.ย.59 นายณรงค์ พลละเอียด ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร น างศิริลักษณ์ พลละเอียด นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร น.ส.วัลภา แก้วสวี รักษาราชก...
-
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 30 ส.ค. 59 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก น.ส.ทิพวรรณ อินทนาศักดิ์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 8 ...
-
วันที่6ธันวาคม2559สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดชุมพร ยังมีฝนตกลงมาอย่างหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายพื้นที่ในจังหวัดชุมพรเกิดน้ำท่วมไปทั่ว สำนักง...
-
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2559 เวลาประมาณ 14.00 น. ตำรวจชุมพรโชว์ผลงาน จับกัญชาแห้งอัดแท่ง ชุดใหญ่ จำนวน 897 แท่ง น้ำหนักประมาณ 897 ก...
-
ผ่านไปแล้ว 30 วัน “ ลุงไสว ” พร้อมครอบครัว 4 ชีวิต เดินเท้าจาก จ.สงขลา มาถึงน้ำตกกะเปาะ ตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร...
-
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 พฤศจิกายน 2559 นายพิทักษ์ บริพิศ นายอำเภอปะทิวได้ทำการเปิด โครงการ อส.ปั่นด้วยใจไปกราบพระบรมศพเพื่อเป็...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น