กระบะบรรทุกแรงงานต่างด้าวมาเต็มคัน ยางระเบิดพลิกคว่ำเทกระจาด ดับ 4 ราย เจ็บ 19

  เมื่อเวลา 04.20 น.เช้าวันที่ 26 ธ.ค.59 ร.ต.ท.นรินทร์  ชูรอด ร้อยเวร  สภ.เมืองชุมพร  จ.ชุมพร ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะเสียหลักพลิกคว่ำ  มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัสหลายราย  บริเวณปากซอย เมืองชุมพร 20  ถ.ชุมพร-ระนอง ฝั่งขาเข้าเมืองชุมพร หมู่ 11 ต.วังไผ่ อ.เมืองชุมพร จึงพร้อมด้วหน่วยกู้ภัย กู้ชีพ ชุมพรการกุศลสงเคราะห์(สายชล) เร่งตรวจสอบที่เกิดเหตุ
      จุดเกิดเหตุพบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า  รุ่นวีโก้  ตอนครึ่งสีดำ  ทะเบียน บบ 7012 ชุมพร สภาพหงายท้องพังยับเยิน มีกระเป๋าใส่เสื้อผ้า สัมภาระกระจัดกระจายเกลื่อนถนน ภายในรถพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ใกล้กันมีรั้วทางเข้าหน้าบ้านเลขที่ 185 ถูกรถกระบะคันดังกล่าวชนเสียหาย  ด้านในพบผู้เสียชีวิตเป็นชายอีก 2 ราย และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกหลายรายหน่วยกู้ภัยเร่งนำส่งโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์  ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 150 เมตร พบรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนเงิน 4 ประตู ทะเบียน อ-7599 กรุงเทพมหานคร (ป้ายแดง) ด้านหน้าชนติดอยู่กับรั้วบ้าน ล้อหน้าด้านขวาหลุดกระเด็น  กระจกข้างคนขับแตกละเอียด  ตรวจสอบไม่พบเจ้าของรถ คาดเป็นคู่กรณี
        ในเวลาต่อมามีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสทนพิษบาดแผลไม่ไหวไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 1 ราย รวมผู้เสียชีวิตเป็นชายทั้งหมด 4 ราย  ส่วนบาดเจ็บชาย 12 คน  หญิง 7 คน
         นายนันทิพัฒน์  พงษ์ศิริกุล เจ้าของบ้านที่ได้รับความเสียหาย  เล่าว่า  ขณะที่ตนกับมารดากำลังนอนหลับอยู่ภายในบ้านก็ได้ยินเสียงเหล็กของประตูรั้วดังมาก และต่อมาก็ได้ยินเสียงร้อง ตนกับมารดาจึงเปิดประตูออกมาดูตกใจมากเห็นคนตายและคนเจ็บนอนอยู่หน้าบ้านเต็มไปหมด  ไม่นานหน่วยกู้ภัยก็มาถึง
            จากการสอบสวนทราบว่า ทั้งหมดเป็นแรงงานต่างด้าวโดยมีคนขับรถเป็นคนไทยไม่ทราบชื่อและที่อยู่แต่ได้เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล ส่วนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้คาดว่ารถกระบะบรรทุกแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนร์มา มาเต็มคันขับมาด้วยความเร็วสูงเกิดยางระเบิด เนื่องจากพบว่าล้อหลังข้างขวามีร่องรองของรูขนาดเล็กใกล้กับกระทะล้อแม็ก  คาดว่าน่าจะเป็นสาเหตุทำให้รถ เสียหลักพลิกคว่ำจนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากดังกล่าว

          แต่อย่างไรก็ตาม ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ในระหว่างสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ข่าวที่ได้รับความนิยม