ช่าง งดงาม!!ตระหง่านตา!ต่อพุทธศาสนิกชนที่ไปกราบไว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง

       ประชาชนชาวชุมพร และนักท่องเที่ยวที่ผ่าน วัดป่ายางตั้งอยู่  ต.สะพลี อ.ปะทิว  จ.ชุมพร ตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เห็นคือไอเดียเก๋ๆผนวกกับความเชื่อของเจ้าอาวาสวัดป่ายาง โดยทาสีวัดเป็นสีเหลืองทองทั้งหมด  ประกอบด้วย   พระอุโบสถ  พระเจดีย์  พระปรางค์ต่างๆ  หอระฆัง  ประตูรั้ว  ซุ้มประตูทางเข้าวัด  องค์รูปจำลองพระโพธิสัตว์กวนอิม  เป็นความมหัศจรรย์ และความแปลกใหม่เป็นวัดแรกของจังหวัดชุมพรที่ทาสีทองเหลืองอร่ามทั้งวัด  สร้างความประทับใจให้กับบุคคลทั่วไปที่พบเห็นและสามารถดึงดูดความสนใจจุดประกายให้เยาวชนหันมาสนใจในพระพุทธศาสนามากขึ้นด้วย
            สำหรับบรรยากาศภายในบริเวณวัดมีต้นไม้น้อยใหญ่ให้ความร่มรื่น เย็นสบาย  เงียบสงบ  มีศาสนสถานกว้างขวางเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมวินัยตามพระพุทธศาสนา   เช่น การเวียนเทียน การสวดมนต์ การทำสมาธิ
             พระครูนิเทศธรรมพิลาส (หลวงปู่) เจ้าอาวาสวัดป่ายาง  เล่าว่า  สาเหตุที่ต้องเน้นทาสีเหลืองทอง  เพราะเป็นสีที่สวยงาม และมีอนุภาพ  เป็นสีแห่งบุญใครมองแล้วรู้สึกสุขสดชื่นมีบารมี และทนทานประหยัดค่าใช้จ่ายเสียมากแต่อยู่ได้นานคงทน  วัดต้องให้ดูใหม่เสมอสะอาด  ทาสีทองตั้งแต่เริ่มสร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ภายในวัดทั้งหมด เพราะเป็นสิ่งที่ผู้คนให้ความเคารพบูชา  เช่นพระพุทธเจ้าให้คำสั่งสอนที่ดีให้ของดีกับทุกคน และทุกคนก็ให้ความเคารพเพราะฉะนั้นเราต้องเอาสีทองมาทาให้สวยงามเพื่อให้เหมาะสมกับพระพุทธเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์  สีทองคือสีที่สะท้อนถึงอนุภาพของความดี  ปัจจัยที่ญาติโยมทำบุญมาให้วัดพยายามสะสมทีละเล็กทีละน้อยจนมีมากขึ้น 
            ส่วนการก่อสร้างพระธาตุเจดีย์พุทธภัททภัปป  หลวงปู่  ยังเล่าอีกว่า  เขียนแปลนด้วยตัวเองใช้เวลา 1 คืน และเริ่มสร้างด้วยเงินเพียง 2,500 บาท ด้วยลักษณะเหมือนรูปดอกบัว 5 ดอก  มีพญานาคจำนวน  4 ตัว อยู่ล้อมรอบบนเจดีย์ เพื่อให้ดูแล เพราะพญานาคเป็นคู่บุญกับพระพุทธศาสนา จนถึงปัจจุบันเงิน 2,500 บาทก็ยังไม่หมดมันก็ยังงอกเงยขึ้นเรื่อยๆ
          วัดป่ายาง หรือที่ชาวบ้านมักเรียกว่า วัดเนินสำลี”  แต่เดิมชื่อวัดศรีวิไลซ์รัตนาราม  ตั้งอยู่เลขที่ 35 หมู่ 4 ต.สะพลี  อ.ปะทิว  จ.ชุมพร สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย  วัดป่ายางสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ.2400  โดยมีพระภิกษุ ฤกษ์ เป็นผู้ริเริ่มดำเนินการก่อสร้าง
      ในปีพ.ศ.2485  ได้ดำเนินการก่อสร้างพระอุโบสถโดยการนำของพระภิกษุ ไฝ มีญาติโยมช่วยกันสร้าง มุงหลังคาด้วยใบจาก  และสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2487  ในสมัยนั้นพื้นที่ของวัดส่วนใหญ่เป็นป่ามีไม้นานาพันธุ์  โดยเฉพาะต้นยาง  อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ป่า  ธรรมชาติร่มรื่น  ราษฎรตำบลสะพลีและตำบลใกล้เคียงมักจะนำบุตรหลานมาฝากไว้ที่วัด  เพื่อให้ได้ศึกษาเล่าเรียน และบวชอยู่ในวัดแห่งนี้
      ต่อมาในปี พ.ศ.2510  กรมการศาสนาได้เปลี่ยนชื่อวัดว่า วัดป่ายาง  ซึ่งมีพระภิกษุชม สุจิตุโต เป็นเจ้าอาวาส  อีก 5 ปี ต่อมา  ทางวัดได้ก่อสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้น  ก่อสร้างด้วยอิฐถือปูนใช้เวลาก่อสร้างถึง 9 ปี จึงแล้วเสร็จในปี พ.ศ.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ข่าวที่ได้รับความนิยม