เมื่อเวลา 11.00
น. วันที่ 11 ก.ย.59 พ.ต.ท.วิชัย
แสงวิเชียร พนักงานสอบสวน
สภ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร รับแจ้งเหตุ
ฆ่ากันตายภายใน ร้านต้นนุ่นฟลาวเวอร์
ใกล้สี่แยกมอลเดียร์ เลขที่ 118 ถนนปรมินทรมรรคา เขตเทศบาลเมืองชุมพร จ.ชุมพร
จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
พร้อมหน่วยกู้ภัยชุมพรการกุศลสงเคราะห์รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นใจกลางเมืองชุมพร
ซึ่งชั้นล่างเปิดเป็นร้านบริการ
รับจัดดอกไม้ ในพิธีต่างๆนอกและในสถานที่
จุดเกิดเหตุอยู่ชั้น 2 พบศพผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ
นางสุวรรณี แซ่เอี๊ยะ อายยุ 53 ปี เจ้าของร้านดอกไม้ดังกล่าว สภาพนอนจมกองเลือด
ใบหน้าบวมปูดเขียวช้ำอยู่ข้างตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอน โดยไม่ได้สวมเสื้อผ้า
เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงเร่งนำศพผู้เสียชีวิตส่ง โรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ให้แพทย์ชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง ขณะเดียวกันที่ด้านล่างของตึกได้มีญาติๆของนางสุวรรณี ผู้ตาย หลังทราบข่าวได้เดินทางมาที่เกิดเหตุ
พร้อมกับร้องห่มร้องให้กันอย่างน่าเวทนา เพราะเสียใจกับการจากไปของนางสุวรรณี
ส่วนผู้ต้องหาที่ทำร้ายร่างกายนางสุวรรณี
จนเสียชีวิต คือนายกิตติ เยาว์ยัง อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่
222/126 หมู่ 10 ต.นาทุ่ง อ.เมืองชุมพร
จ.ชุมพร สามี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปสอบสวนที่
สภ.เมืองชุมพร ไปก่อนแล้ว
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดตามไปที่ สภ.เมืองชุมพร เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับ
พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี แต่กลับไม่ให้การใดๆ
และไม่พบตัวนายกิตติ ผู้ต้องหา พูดเพียงสั้นว่า “ผู้ต้องหาไม่สำคัญอะไรหรอก”
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางออกจาก โรงพักทันที
ต่อมาผู้เห็นเหตุการณ์ ให้การว่า
นางสุรรณี ผู้ตาย
เปิดร้านรับจัดดอกไม้ในงานพิธีต่างๆ ทั้งใน และนอกสถานที่มานานหลายปีแล้ว และเป็นคนขยันทำมาหากิน มีลูก 2 คน เรียนจบและทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ กันหมด ส่วนนายกิตติ ช่วงแรกๆก็ช่วยงานดีมาโดยตลอด แต่มาระยะหลังไม่ได้ช่วยงาน จะเก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยพูดจากับใคร และมักจะทะเลาะกับนางสุวรรณีบ่อยๆบางครั้งร้านค้าที่อยู่ติดกันหรือญาติๆก็จะเข้ามาห้ามปรามอยู่ตลอด ทำให้นางสุรรณี สุดจะทนต่อไปจึงขอบอกเลิกหลายครั้ง แต่นายกิตติไม่ยอมเลิก ก่อนเกิดเหตุวันเดียวกัน ผู้ตายได้กลับเข้ามาที่ร้านเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะรับงานจัดดอกไม้ไว้ จนกระทั้งเจอนายกิตติ สามี อยู่ภายในบ้าน
ทั้งคู่ได้ทะเลาะกันรุนแรงกว่าทุกครั้ง
ต่อมาร้านค้าข้างๆได้ยินเสียงผู้ตายร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่ทันการนายกิตติ
ได้จับศีรษะภรรยาตนเองกระแทกกับพื้นหลายครั้งจนแน่นิ่งและได้เสียชวิตในทีสุดหลังจากนั้นได้นั่งเฝ้าศพนางสุวรรณีจนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาควบคุมตัวไปสอบสวนหาสาเหตุก่อนส่งดำเนินคดีต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น