ในการเลื่อมใสแห่งการศรัทธาจังหวัดชุมพรเป็นประตูภาคใต้ที่มีคนต่างถิ่นเข้ามาทำหากินหลายรูปแบบเพราะคนชาวชุมพรมีจิตโอบอ้อมอารีย์จึงมีพวกมิชฉาชีพที่แอบอ้างและแขวงตัวเองเข้ามาในรูปแบบต่างการหากินกันแบบใหม่ๆ"โดยทุกข์หรือความรำคาญอยู่ที่ผู้ประกอบการหรือชาวบ้านทั่วไปเพราะมีบุคคลกลุ่มหนึ่งจะอ้างตัวเองว่ามาจากหน่วยงานโน้นหน่วยงานนี้โดยที่แท้จริงแล้วพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับหน่วยงานที่กล่าวอ้างเลยว่าจะเงินเป็นรายได้ของหน่วยงานนั้นๆ
ตามแล้วแต่จะอ้างเพื่อให้เราเชื่อถือหรือเห็นความสำคัญหรือเกิดเมตตาขึ้นแล้วยอมซื้อพระเป็นชุดๆๆชุดละ4-5องค์ที่มีพนักงานออกมาเร่ขายในรูปแบบต่างๆอ้างว่ามาจากสมาคมนั่นสมาคมนี้หรือหน่วยงานที่ฟังแล้วน่าเชื่อถือเพื่อการายได้ไปช่วยอีกหน่วยงานหรือสำนักต่างๆในพื้นที่แต่จริงๆแล้วที่รู้มาว่าเขาจะเป็นทีมงานที่มาขอใช้ชื่อและตรายางพร้อมลายเซ็นหัวหน้าสำนักหรือผู้มีอำนาจของสำนักนั้นๆๆที่เขาจะอ้างว่าหาเงินไปช่วยเหลือบังหน้าแล้วเอาทีมงานขายลงพื้นที่แขวนบัตร ที่มีตรายางและลายเซ็นของสำนักที่้อามาอ้างบังหน้าเดินขายไปทั่วในพื้นที่โดยรายได้จริงๆๆที่มอบให้หน่วยงานนั้นๆๆจะมี100.000-150.000บาทที่มอบให้ห่นวยงานที่กล่าวอ้างแต่ขายพระกันไปเป็นล้านเพราะพระที่จำหน่ายกันชุดละ500-2.000บาทคิดดูว่าจะมีรายได้กันมากมายขนาดไหนนี้คิดเอาแบบงา่ยๆนะครับแต่ทุกอย่างเป็นเรื่องจริงและถ้าท่านเจอก็อย่าให้ความร่วมมือเลยแถมพระก็ไม่รู้พิธีการแบบไหนอย่างไรปลุกเสกหรือเปล่าเพราะเป็นการค้าชนิดใหม่ที่ลงทุนน้อยกำไรสุดๆๆๆเอาเปรียบและหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือเพื่อหวังเงินบริจากนั้นเขาจะรู้หรือไม่ว่า"คุณตกเป็นเครื่องมือเสียแล้ว"หรือสมรู้ผมก็ไม่เข้าใจ?ถือเป็นลักษณะของศรัทธาในพระไตรปิฎกแสดงลักษณ1. มีความเลื่อมใสเป็นลักษณ 2. มีการข่มนิวรณ์คือข่มกิเลสทำให้จิตผ่องใสเป็นลักษณะ ศรัทธามีความเลื่อมใสเป็นลักษณะ..จึงต้องมีวัตถุให้เลื่อมใส วัตถุนั้นต้องเป็นสิ่งที่ดีเช่น เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า เลื่อมใสในพระธรรม เลื่อมใสในพระสงฆ์ แต่การใช้คำว่าเลื่อมใสในสิ่งที่ไม่ดี เช่น เลื่อมใสในบุคคลที่เห็นผิด เลื่อมใสในความเชื่อ ความเห็นที่ผิด แต่ไม่ใช่ลักษณะของศรัทธาเพราะว่า ความหมายศรัทธาประการที่สองคือต้องเป็นจิตที่ผ่องใสจากกิเลสแต่การใช้ภาษาว่าเลื่อมใสแต่ในสิ่งที่ผิดเป็นอกุศลไม่ใช่กุศลดังนั้น จึงไม่ใช่ศรัทธาเพราะศรัทธาเจตสิกจะไม่เกิดกับจิตที่เป็นอกุศลเลยครับ แสดงให้เห็นว่าลักษณะศรัทธามีสองประการตามที่กล่าวมาและต้องประกอบกัน เพื่อความเข้า
ตามแล้วแต่จะอ้างเพื่อให้เราเชื่อถือหรือเห็นความสำคัญหรือเกิดเมตตาขึ้นแล้วยอมซื้อพระเป็นชุดๆๆชุดละ4-5องค์ที่มีพนักงานออกมาเร่ขายในรูปแบบต่างๆอ้างว่ามาจากสมาคมนั่นสมาคมนี้หรือหน่วยงานที่ฟังแล้วน่าเชื่อถือเพื่อการายได้ไปช่วยอีกหน่วยงานหรือสำนักต่างๆในพื้นที่แต่จริงๆแล้วที่รู้มาว่าเขาจะเป็นทีมงานที่มาขอใช้ชื่อและตรายางพร้อมลายเซ็นหัวหน้าสำนักหรือผู้มีอำนาจของสำนักนั้นๆๆที่เขาจะอ้างว่าหาเงินไปช่วยเหลือบังหน้าแล้วเอาทีมงานขายลงพื้นที่แขวนบัตร ที่มีตรายางและลายเซ็นของสำนักที่้อามาอ้างบังหน้าเดินขายไปทั่วในพื้นที่โดยรายได้จริงๆๆที่มอบให้หน่วยงานนั้นๆๆจะมี100.000-150.000บาทที่มอบให้ห่นวยงานที่กล่าวอ้างแต่ขายพระกันไปเป็นล้านเพราะพระที่จำหน่ายกันชุดละ500-2.000บาทคิดดูว่าจะมีรายได้กันมากมายขนาดไหนนี้คิดเอาแบบงา่ยๆนะครับแต่ทุกอย่างเป็นเรื่องจริงและถ้าท่านเจอก็อย่าให้ความร่วมมือเลยแถมพระก็ไม่รู้พิธีการแบบไหนอย่างไรปลุกเสกหรือเปล่าเพราะเป็นการค้าชนิดใหม่ที่ลงทุนน้อยกำไรสุดๆๆๆเอาเปรียบและหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือเพื่อหวังเงินบริจากนั้นเขาจะรู้หรือไม่ว่า"คุณตกเป็นเครื่องมือเสียแล้ว"หรือสมรู้ผมก็ไม่เข้าใจ?ถือเป็นลักษณะของศรัทธาในพระไตรปิฎกแสดงลักษณ1. มีความเลื่อมใสเป็นลักษณ 2. มีการข่มนิวรณ์คือข่มกิเลสทำให้จิตผ่องใสเป็นลักษณะ ศรัทธามีความเลื่อมใสเป็นลักษณะ..จึงต้องมีวัตถุให้เลื่อมใส วัตถุนั้นต้องเป็นสิ่งที่ดีเช่น เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า เลื่อมใสในพระธรรม เลื่อมใสในพระสงฆ์ แต่การใช้คำว่าเลื่อมใสในสิ่งที่ไม่ดี เช่น เลื่อมใสในบุคคลที่เห็นผิด เลื่อมใสในความเชื่อ ความเห็นที่ผิด แต่ไม่ใช่ลักษณะของศรัทธาเพราะว่า ความหมายศรัทธาประการที่สองคือต้องเป็นจิตที่ผ่องใสจากกิเลสแต่การใช้ภาษาว่าเลื่อมใสแต่ในสิ่งที่ผิดเป็นอกุศลไม่ใช่กุศลดังนั้น จึงไม่ใช่ศรัทธาเพราะศรัทธาเจตสิกจะไม่เกิดกับจิตที่เป็นอกุศลเลยครับ แสดงให้เห็นว่าลักษณะศรัทธามีสองประการตามที่กล่าวมาและต้องประกอบกัน เพื่อความเข้า
ใจที่ถูกต้อง ขออนุโมทนาครับ อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์( โอ๋ดาวใต้)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น